Home

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

โยเกิร์ตช่วยลดกลิ่นปาก

ผิวพรรณผ่องใสดูดี “แต่” มี “กลิ่นปาก” ก็คงหมดเสน่เวลาใกล้ชิด

เพื่อนๆ ใช้ โยเกิร์ต ช่วยสิจ๊ะ ทีมวิจัยจากญี่ปุ่นยืนยันว่าโยเกิร์ตช่วยลดกลิ่นปากได้อย่างชัดเจน และการทานประจำ ทำให้คราบแบคทีเรียบนผิวฟันและเหงือกอักเสบลดลง ว๊าว โยเกิร์ตดีจริงๆ !!!!!

เครดิต : 
แหล่งที่มา : wuttisakclinic.com
ภาพจาก : google


ง่วง..แต่ไม่อยากดื่มกาแฟทำยังไงดี


น้ำกีวีผสมแคนตาลูปเพิ่มแบล็กเบอร์รี่
เป็นน้ำผลไม้ที่ทำให้ร่างกายสดชื่น สมองปลอดโปร่ง

วิธีการก็ง่ายแค่เอา ผลไม้ทั้งสามมาปั่นผสมกันในอัตราส่วนเท่าๆ กัน แล้วดื่ม

- กีวี ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน สารอาหารที่โดดเด่นช่วยกระตุ้นสมอง คือ วิตามินซี
- แคนตาลูป อุดมด้วยวิตามินบี1 บี2 บี6 เบตาแคโรทีน แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส
และกำมะถัน ล้างสารพิษในร่างกาย ในขณะที่ร่างกายอ่อนพลังงานเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ
- แบล็กเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีเส้นใยอาหาร วิตามินบี วิตามินซี วิตามินเค กรดโฟลิก เกลือแร่
และแมงกานีส กระตุ้นการขับถ่าย ส่วนรสเปรี้ยวทำให้ร่างกายตื่นตัวได้ดี

เครดิต : 
แหล่งที่มา : wuttisakclinic.com

สูตรพอกหน้าง่ายๆ ด้วยแตงโม


สูตรนี้เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูมีน้ำมีนวล
ส่วนผสม
1. แตงโมประมาณ 4-5 ชิ้น
2. รำข้าวหรือข้าวโอ๊ต 3 ช้อนโต๊ะ
3. โยเกิร์ต 2 ช้อนโต๊ะ

1. นำแตงโมมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆให้ได้ประมาณ 1 ถ้วย
2. นำแตงโมมาปั่นพร้อมรำข้าวหรือข้าวโอ๊ต เติมนมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ต ผสมให้เข้ากันดี
3. ล้างหน้าให้สะอาด จากนั้นใช้ทาให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

ทำอาทิตย์ละครั้งรับรองหน้าใส ไกลสิวแน่นอนจ้า

เครดิต : 
แหล่งที่มา : wuttisakclinic.com

แค่มีมะเขือเทศกับนมสดก็เป๊ะได้แล้ว

ง่ายนิดเดียวสำหรับบิวตี้ทิปส์นี้ แค่มีมะเขือเทศกับนมสดก็เป๊ะได้แล้ว
รู้รึเปล่าว่ากรดในมะเขือเทศ สามารถนำมาทำโลชั่นทำความสะอาดผิวได้
เพราะมีฤทธิ์ช่วยในการขัดลอกเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
โดยเฉพาะเมื่อนำมาผสมกับนมจะมีกรดแล็กติกช่วยในการขัดลอกเซลล์ผิว

วิธีทำ
นำมะเขือเทศสุกมาบดให้ละเอียด แล้วเทลงในผ้าขาวบาง และบีบน้ำออก
แล้วนำน้ำมะเขือเทศผสมกับนมเท่า ๆ กัน แล้วใช้เช็ดทำความสะอาดผิวหน้าวันละ 1 หรือ 2 ครั้ง
แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดจ้า

เครดิต : 
แหล่งที่มา : wuttisakclinic.com

มารู้จัก AHAs กับ BHA กันเถอะ

หลายๆคนคงเคยได้ยินชื่อของสาร ที่มีชื่อว่า AHAs และ BHA ที่มัดปรากฎอยู่ในเครื่องสำอางค์กันมาแล้วนะคะ ว่าแต่ว่าเจ้าสาร 2 ตัวนี้ มันมีความสำคัญและคุณสมบัติอย่างไรไปทำความรู้จักกันเถอะค่ะ
AHAs (Alpha Hydroxy Acids) 

เป็นกรดที่สกัดจากอ้อย ไวน์ นมเปรี้ยว และผลไม้อย่าง แอปเปิ้ล องุ่น หรืออาจได้มาจากการสังเคราะห์ AHAs มีผลในการขจัด เซลล์ผิวชั้นบนที่ตายแล้วให้หลุดออก เผยให้เห็นผิวใหม่ที่สวยใส เรียบเนียน แต่ AHAs ก็สามารถก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้เช่นเดียวกัน หากขัดลอกผิวออกไปมาก ผิวอาจอ่อนแอต่อแสงแดดได้เช่นเดียวกัน หากขัดลอกผิวออกไปมาก ผิวอาจอ่อนแอต่อแสงแดดได้ 



ดังนั้น เครื่องสำอางค์หลายๆ ยี่ห้อ จึงพยายามให้สูตรอ่อนละมุนต่อผิว ด้วยการเพิ่มส่วนผสมของกันแดดที่มีสารสกัดจากชาเขียว คาโมมายล์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิวและเป็นสารกันแดดลงไปด้วย 



ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่า AHAs สามารถทำให้ริ้วรอยตื่นขึ้น เนื่องมาจากอาการระคายเคือง ทำให้ผิวบวมหนาขึ้นได้ ริ้วรอยจึงจางลง (บวมหนาเพื่อปกป้องตนเอง) แต่บางคน เห็นว่าเป็นการกระตุ้นการเสริมสร้างคอลลาเจน 



ข้อแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHAs 
- สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายควรทดลองทาบริเวณท้องแขน หลังใบหูก่อนการใช้จริงสัด 2-3 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา การระคายเคืองทั่วใบหน้า 



- ควรใช้คู่กับผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดด เช่น ครีมกันแดดที่มี SPF15 เป็นอย่างน้อย 



- ยังไม่มีการทำวิจัยในเรื่องผลกระทบ และอาการข้างเคียงต่อการใช้ AHAs ในการทาผิวร่วมกับการรับประทาน หรือใช้ยาบางชนิดที่ทำให้เกิดความไวต่อแสงแดด 



- ใช้มากเกินไปอาจไม่เป็นผลดี ยึดคติทางสายกลางจะปลอดภัยกว่า หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHAs แล้ว ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ประกอบอื่นๆที่มีส่วนผสมของ AHAs อีกเช่น พวกครีมล้างหน้า มาร์ค ครีมขัดผิวต่างๆ 



BHA (Beta Hydroxy Acid,salicylic acid) 
เป็นสารซาลิไซลิก เอซิด ซึ่งเป็นสารที่ทางการแพทย์ใช้ในการรักษาผิวเป็นเวลานานมาแล้ว เช่น สิว รังแค เชื้อรา ตาปลา และเรื่องผิวทางพันธุกรรม สำหรับคนทั่วไปใช้เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ในรูปของ BHA เพื่อความผ่องใสอ่อนเยาว์ 



BHA ในค่พีเอชต่ำ (2.1-2.98) มีประสิทธิภาพในการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวได้ โดยไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิว และไม่เปลี่ยนหน้าที่สำคัญของเกราะป้องกันตามธรรมชาติผิวใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในเรื่องสำอางค์ สำหรับผิวที่มีริ้วรอยจากแสงแดด สามารถใช้เป็นประจำทุกวันได้ 



สำหรับ BHA ความเข้มข้นสูงๆที่ใช้ในวงการแพทย์จะมีประสิทธิภาพสูงในการผลัดเซลล์ผิว ทั้งพื้นที่ผิวและรูขุมขนที่อุดตันได้เป็นอย่างดี แต่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้


เครดิต : 
แหล่งที่มา : acnecaresite.blogspot.com

วิธีทำให้ผิวขาวใส แบบธรรมชาติ

วิธีทำให้ผิวขาวใส แบบธรรมชาติ - คุณรู้หรือไม่ว่า พืชผักผลไม้ที่เราสามารถหาได้ง่ายๆ ในครัวเรือน นอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ยังมีสรรพคุณมากมายที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณของคุณอีกด้วย เพราะในผักผลไม้ ล้วนมีวิตามิน แร่ธาตุ สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและผิวพรรณ ช่วยให้ผิวของคุณฟื้นฟูและกลับมาสวยได้ดั่งเดิม หรือหากว่าคุณมีผิวที่สวยอยู่แล้ว ก็จะส่งผลให้ผิวของคุณดียิ่งขึ้น อยากเป็นเจ้าของผิวหน้าขาวใส ผิวกายเปล่งปลั่ง แถมไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินทอง ต้องรีบอ่าน…ด้วยสูตรวิธีทำให้ผิวหน้าขาวใส แบบธรรมชาติที่เราได้นำมาฝาก ดังนี้ค่ะ
1.กล้วย 
กล้วย ไม่ว่าจะกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ ล้วนให้คุณค่าด้านสุขภาพกับเราทั้งสิ้น จะกินก็ได้ จะเอามาทำสวยก็ดี สำหรับสาวผิวแห้ง ผมแห้ง กล้วยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาได้ สำหรับสาวผิวแห้ง กล้วยจะช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื่นขึ้นได้ เพราะโปรตีนและไขมันตามธรรมชาติ ทั้งนี้ยังช่วยลบริ้วรอยด้วย ส่วนคนที่มีปัญหาผมและหนังศีรษะแห้ง กล้วยจะเสริมความเงางาม และยังทำให้ผมมีน้ำหนักดีขึ้น มาดูกันเลยว่า สูตรหน้าใส ด้วยกล้วยนั้น มีอะไรบ้าง 

มาส์กผิวนุ่มชุ่มชื้นด้วยกล้วยหอม 
ส่วนผสม กล้วยหอมสุก 1 ผล, น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ, ไข่ขาว 1 ฟอง, ดินสอพองบด 1 ช้อนโต๊ะ, โยเกิร์ต 1 ช้อนโต๊ะ 
วิธีทำ 
1.ตีไข่ขาว เทโยเกิร์ตและน้ำผึ้งลงไป ตามด้วยดินสอพอง คนให้เข้ากันจนเนื้อเนียนละเอียด 
2.บดกล้วยหอมสุกจนเนื้อละเอียดเนียน แล้วลงผสมกับส่วนผสมในข้อ 1 
เมื่อได้ส่วนผสมเรียบร้อยแล้ว จากนั้นล้างหน้าให้สะอาด ทาส่วนผสมที่ได้บนใบหน้า คอ และไหล่ นวดเบา ๆ ให้ทั่ว ทาให้หนาพอควร ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น (แต่ไม่อุ่นจัด) 
ทำเป็นประจำประมาณ 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ ผิวหน้าจะดูนุ่มนวลและสดใสมากขึ้น 

กล้วยน้ำว้าสบู่ถนอมผิวหน้า 
สรรพคุณ : ช่วยทำความสะอาดผิดหน้าได้ดี ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น 
ส่วนผสม กล้วยน้ำว้า 2 ผล
                 มะนาว       1 ผล
วิธีผสม ปอกเปลือกกล้วยออกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆนำลงเครื่องปั่นบดให้ละเอียด นำมะนาวผ่าขวางแล้วคั้นเอาแต่น้ำเทลงในกล้วยที่บดเรียบร้อยแล้วคนให้เข้ากัน
วิธีใช้ 
ใช้น้ำสะอาดลูบหน้าพอให้เปียก ทาสบู่กล้วยถนอมผิวที่เราทำไว้ทาให้ทั่วหน้าพักไว้ 3-5 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาดจะรู้สึกว่าหน้าสะอาดมากและไม่แห้งตึง

กล้วยน้ำว้าครีมพอกหน้า 
สรรพคุณ: บำรุงผิวให้เนียนขาวลดริ้วรอยความเหนื่อยล้า
ส่วนผสม กล้วยสุก 2 ผล/น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ/ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ/น้ำสะอาดเย็นจัด 1 ขัน
วิธีทำ 
ปอกเปลือกกล้วยออกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆนำลงเครื่องปั่นบดให้ละเอียด นำน้ำมะนาวและน้ำผึ้งเทลงไปปั่นผสมกันให้เป็นเนื้อเดียวสังเกตุถ้าเนื้อครีมเริ่มฟูก้อใช้ได้
วิธีพอกหน้า
ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดซับหน้าให้แห้งทาครีมกล้วยน้ำว้าที่ทำไว้ทาให้ทั่วใบหน้ายกเว้น ดวงตาและขอบจมูก พอกทิ้งไว้ประมาน 20-30 นาทีล้างออกด้วยน้ำเย็นจัด 
- ควรพอกครีมกล้วยอาทิตละครั้ง ใบหน้าจะนุ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

กล้วยไข่ไร้สิว 
สรรพคุณ ช่วยสมานผิว ขจัดสิวเสี้ยน
ส่วนผสม กล้วยไข่ 2 ผล / ไข่ไก่เฉพาะไข่ขาว 1 ฟอง / น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ/น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
นำกล้วยไข่ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วใส่ลงในโถปั่นใส่ไข่ขาวปั่นจนละเอียดแล้วยกลง พักสักครู่ แล้วใส่น้ำผึ้งและน้ำตาลทรายแดงตามลงไป คนให้เข้ากันอย่างช้าๆ
วิธีใช้ 
นำครีมพอกให้ทั่งหน้าเว้นดวงตาใช้นิ้วค่อยๆถูนวดเบาๆ วนทวนเข็มนาฬิกาอย่างช้าๆทำอย่างนี้ประมาน1-2นาทีแล้วทิ้ไว้สักคู่จนรู้สึกตึงจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดเราจะสึกถึงความสะอาดมากเลย

กล้วยหอมและนมสด 
สรรพคุณ ช่วยให้ผิวขาวเนียนสวยขึ้น
วิธีทำ
นำมาบดผสมกัน จากนั้นนำไปพอกผิวในบริเวณที่ต้องการ สามารถทำได้วันเว้นวันเช่นกัน

2.น้ำผึ้ง (Apis dorsata) 
ได้จากผึ้ง ประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคส ฟรุคโตส ขี้ผึ้ง อัลบูมินอยด์ ละอองเกสรดอกไม้ และฮอร์โมนเอสโตรเจน จำนวนเล็กน้อย น้ำผึ้งใช้เป็นส่วนประกอบ ของเครื่องสำอาง ใช้พอกหน้า ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้น น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติช่วยสมานผิว น้ำผึ้งเป็นเครื่องสำอางจากธรรมชาติ ที่ให้ประโยชน์สูง และหาง่าย นอกจากนี้ยังใช้น้ำผึ้งบำรุงผม ฮอร์โมนเอสโตรเจน จะช่วยบำรุงหนังศีรษะ และกระตุ้นการงอกของเส้นผม
วิธีทำ
ให้ผิวขาว ด้วยน้ำผึ้งและโยเกิร์ต นำส่วนผสมดังกล่าวพอกลงบนใบหน้าหรือผิวกายประมาณ 30 นาทีก่อนล้างออก ช่วยให้ผิวขาวและนุ่มขึ้นได้ สามารถทำได้วันเว้นวันค่ะ

3.มะเขือเทศ (Lycopersicon esculentum Mill.) 
ในมะเขือเทศ จะมีสาร Curotenoid และมีวิตามินหลายชนิด น้ำจากผลมะเขือเทศสุก จะมีสาร licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา และแบคทีเรีย และน้ำมะเขือเทศสดนำมาพอกหน้าจะรักษาสิวสมานผิวหน้าให้เต่งตึง หรืออาจจะฝานบางๆ แปะลงบนผิวหน้าก็ได้
สรรพคุณ สมานผิว ลดรอยเหี่ยวย่น จุดด่างดำ
ส่วนผสม มะเขือเทศ               1 ผล
                 รำข้าวหรือข้าวโอ๊ต 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
นำมะเขือเทศไปปั่นหรือบดให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำผสมรำข้าวหรือข้าวโอ๊ตคนให้เข้ากัน
วิธีใช้
ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดหน้าให้แห้งพอกครีมมะเขือเทศทิ้งไว้นานเท่าที่มีเวลาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ในมะเขือเทศมีวิตามินเอมาก ซึ่งเป็น วิตามินที่ละลายได้ดีในน้ำมัน การใช้รำข้าวหรือข้าวโอ๊ตเป็นส่วนผสม เพื่อให้น้ำมันในรำข้าวหรือข้าวโอ๊ตเป็นตัวพาวิตามินเอเข้าสู่เซลผิวหน้าได้ดีกว่า การฝานมะเขือเทศมาแปะหน้าเพียงอย่างเดียว สูตรนี้ใช้ได้ทั้งคนผิวแห้งและผิวมัน

4.แตงกวา (Cucumis sativas Linn.) 
จะมีวิตามินสูง ในผลแตงกวายังมีเอ็นไซม์ cryssin ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอ็นไซม์ชนิดนี้ จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้าน ให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่ม เกิดขึ้นมาแทนที่ บางคนใช้แตงกวาสด ผ่าเป็นชิ้นบางๆ วางบนใบหน้าที่ล้างสะอาด แทนน้ำแตงกวา ปัจจุบันมีน้ำแตงกวาผสมในเครื่องสำอาง เช่น ครีมล้างหน้า ครีมทาตัว เพื่อช่วยให้ผิวไม่หยาบกร้าน และช่วยสมานผิว แตงกวาเป็นสมุนไพร ที่หาง่าย มีประโยชน์ ราคาถูก ใช้ติดต่อกับเป็นประจำ จะทำให้สวนสดชื่น มีน้ำมีนวล
สรรพคุณ สมานผิว ลบรอยเหี่ยวย่น
ส่วนผสม แตงกวา              1 ผล
                ไข่ขาวจากไข่ไก่ 1 ฟอง
                 น้ำมะนาว           1 ช้อนชา
วิธีทำ
ปอกเปลือกแตงกวาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปปั่นให้ละเอียด เติมไข่ขาวและน้ำมะนาวปั่นจนเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้ครีมพอกหน้าแตงกวา
วิธีใช้
ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ใช้ครีมแตงกวาพอกให้ทั่วหน้า ยกเว้นรอบปากและดวงตา ทิ้งไว้ 20 นาทีล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรนี้เหมาะ กับคนผิวมัน สำหรับคนผิวแห้ง ให้นำแตงกวาไปตุ๋นจนเละแล้วกรองเอาเฉพาะน้ำมาทาหน้า ทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

ลองนำสูตรสมนไพร สูตรหน้าใสต่างๆ เหล่านี้ไปทำกันดูนะค่ะ เพื่อใบหน้าที่ขาวใสเป็นธรรมชาติ

เครดิต : thaikasetsart.com และ tay2014.allblogthai.com
แหล่งที่มา : acnecaresite.blogspot.com

ล้างหน้าให้ถูกวิธี เพื่อใบหน้าสะอาดใสไร้สิว

เชื่อไหมว่า การล้างหน้าอย่างถูกวิธีช่วยรักษาและป้องกันการเกิดสิวได้ เพื่อนๆ ที่อยากมีใบหน้าขาวใส ไร้ปัญหาเรื่องสิว ควรให้ความสำคัญกับการล้างหน้าด้วย หลายคนอาจเคยสงสัยว่า ในแต่ละวันควรจะล้างหน้ากี่รอบ? รอบละกี่ครั้ง? ควรล้างแบบไหนถูแบบไหน?  ล้างด้วยสบู่ เจล หรือโฟมล้างหน้าแบบไหนจะดี?  อ่านบทความนี้ท่านจะได้คำตอบแน่นอน...
ทำความสะอาดใบหน้าบ่อยแค่ไหนดี?
การล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว คือเวลาตื่นนอนตอนเช้า 1ครั้ง และอาบน้ำตอนเย็น 1ครั้ง เราไม่ควรล้างหน้าบ่อยครั้งเกินไป เพราะจะทำให้ผิวแห้ง ลอกได้ นอกซะจากกรณีที่ผิวของเพื่อนๆ สกปรกจริงๆ โดยเฉพาะหลังทำกิจกรรมที่ร้อน และมีเหงื่อออกมาก เช่น หลังเล่นกีฬา ทำงานบ้าน ทำสวน ทำไร่ ปลูกต้นไม้ หรือคุมงานก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้าน เป็นต้น ก็เพิ่มการล้างหน้ารอบพิเศษอีกสักครั้งได้

วิธีล้างหน้า
  • ไม่ควรใช้น้ำอุ่น หรือน้ำร้อนล้างหน้า เพราะมันจะทำให้ผิวแห้ง และกระตุ้นให้ผิวเหี่ยวเร็วขึ้น 
  • ให้ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ลูบไล้อย่างเบาๆ มือ โดยล้างหน้าตั้งแต่คางไปจรดแนวไรผมที่หน้าผาก อย่าขัดถูใบหน้าแบบแรงๆ
  • หลังฟอกสบู่ต้องล้างสบู่ออกให้หมดด้วยน้ำสะอาด จากนั้นซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าขนหนู ซับหน้าเบาๆ ไม่ควรเช็ดหน้าหรือถูซับใบหน้าแรงๆ เดี๋ยวผิวจะหยาบกร้านเอานะ 
  • เพียงเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับการดูแลทำความสะอาดใบหน้าในแต่ละวัน 
ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการทำความสะอาดใบหน้า
หลายคนคิดว่าแค่สบู่หรือน้ำเปล่าล้างหน้านั้นไม่จะพอหรือ? คำตอบคือ เพียงพอแล้ว ก็เพราะมีความเชื่อกันว่าสิ่งสกปรกทำให้เกิดสิว จึงทำให้ผู้ที่เป็นสิวหลายคนล้างหน้าบ่อยครั้งเกินไป แถมยังใช้สบู่ที่แรงหรือโฬมชนิดเข้มข้นหรือสบู่ยา ส่งผลให้ใบหน้าอักเสบ ระคายเคือง และสิวกำเริบขึ้น (เคยสังเกตไหมว่าทำไมเรายิ่งล้างหน้า ใบหน้ายิ่งอักเสบ สิวก็ไม่ลด) บางคนหลังล้างหน้า ก็ยังตบท้ายด้วยการใช้สำลีชุบโลชั่นที่มีแอลกอฮอล์ผสม หรือคลีนเซอร์ หรือเอ็กซเทอร์นอลเช็ดหน้า เช็ดที่ไรก็จะได้คราบสีดำติดสำลีมาด้วยทุกครั้ง แล้วเข้าใจว่าสิ่งนั้นคือสิ่งสกปรกตัวการทำให้เป็นสิว ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด ต่อให้เรามีใบหน้าสะอาดเพียงใด หากใช้โลชั่นที่มีแอลกอฮอล์ผสมเช็ดหน้าย่อมได้คราบดำติดมาด้วยเสมอทุกคน ที่จริงแล้วคราบดำนั้นเป็นผิวหนังชั้นขี้ไคลส่วนที่ตายและพร้อมจะหลุดลอกออกโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งชั้นขี้ไคลก็คือชั้นหนังกำพร้าที่เกาะติดอยู่บนผิวหนังชั้นบนควบคู่ไปกับชั้นน้ำมันเคลือบผิว ทั้งขี้ไคล ทั้งน้ำมันไม่ใช่สิ่งสกปรก หากแต่เป็นเกราะที่คอยคุ้มครองปกป้องผิวหน้าจากฝุ่นละออง เชื้อโรค และสารเคมีไม่ให้ซึมผ่านลงไปทำร้ายผิว ดังนั้นหากขาดชั้นน้ำมัน ชั้นขี้ไคล ผิวหน้าของคุณก็ดั่งปราศจากเกราะ ขาดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ เราจะพบว่าคนที่ล้างหน้าบ่อยๆ ใช้น้ำยา ใช้โทนเนอร์เช็ดหน้ามักจะมีปัญหาผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย อักเสบง่าย ระคายเคืองง่าย กลายเป็นผิวบอบบาง โดนอะไรนิดหน่อยก็แพ้เป็นผื่น วิธีแก้ผิวแพ้ง่าย ก็เพียง “ยุ่งกับผิวให้น้อยที่สุด” แล้วจะหายเอง

โดยสรุปแล้ว ให้ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน หรือสบู่เจลใสของเด็กก็ได้ ลูบไล้อย่างเบาๆ มือให้ทั่วหน้า ล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดหรือซับหน้าเบาๆ มือด้วยผ้าขนหนูให้แห้ง ไม่ควรเช็ดหน้าแรงๆ
โดยธรรมชาติ ผิวหนังกำพร้าของคนเราจะหลุดลอกออกมาเองทุกวัน ก็จะพาเอาแป้ง เอาฝุ่นให้หลุดลอกออกมาด้วย ไม่ต้องออกแรงถูเพราะเป็นการไปทำร้ายผิว และไม่จำเป็นก็ไม่ควรใช้คลีนเซอร์ โทนเนอร์ หรือชุดล้างหน้า (ยกเว้นบางรายที่มีสภาพผิวมันมาก สามารถใช้ได้แต่ก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม)  เพราะถึงจะใช้ชุดล้างหน้าสุดหรูชุดละหลายพันบาทหรือใช้แค่สบู่เหลวของเด็กขวดละ 60 บาท หน้าก็สะอาดใสได้เท่ากัน

เห็นไหมละค่ะว่า หากเราล้างหน้าให้ถูกวิธี ช่วยรักษาสิว ป้องกันสิว ช่วยให้ใบหน้าเราสวยใสได้ด้วย

เครดิต : 
แหล่งที่มา : acnecaresite.blogspot.com